วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561

คราบหินปูน ภัยร้ายทำลายช่องปาก








      ยอมรับเลยค่ะว่าการแปรงฟันอาจไม่สามารถทำความสาดทุกซอกในช่องปากได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะรูปแบบของซี่ฟัน พฤติกรรมในการแปรงฟัน หรือท่าทางการแปรงฟันที่ถูกต้อง ดังนั้น ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นในทุกๆคน ก็คือ ปัญหาการเกิดหินปูนในช่องปาก อันเนื่องมาจากการสะสมของเศษอาหารที่ไม่สามารถกำจัดได้อย่างหมดจดนั่นเอง


     และแม้ว่าทุกคนจะทำความสะอาดฟันกันเป็นประจำทุกวันวันละ 2 ครั้งก็ตาม แต่งานวิจัยพบว่า 90 % ของคนทั่วไปก็ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับหินปูนกันอยู่ดี เนื่องด้วยเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างมากที่คนเราจะต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนปีละ 2 ครั้ง เพื่อลดการเกิดคราบหินปูนสะสมตัวในช่องปากนั่นเอง

     แต่หากใครละเลยการทำความสะอาดช่องปากหรือละเลยการเข้าพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูน ปัญหาคราบหินปูนก็จะสะสมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดแค่ปัญหาในเรื่องของความสวยงามหรือกลิ่นเพียงเท่านั้น แต่หินปูนยังสามารถทำลายสุขภาพของเราได้อีกหลายๆทางตั้งแต่ปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก ลามไปจนถึงปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ หากใครกำลังมีหินปูนในปากต้องอ่านบทความนี้เลยค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่ควรรีบเอามันออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด

     โดยปกติผิวฟันของเราจะมีน้ำลายปกคลุมผิวฟันในลักษณะของแผ่นฟิล์ม แต่เมื่อเกิดคราบหินปูนขึ้น คราบหินปูนจะสามารถทำลายฟันได้ภายหลังการแปรงฟันเพียง 2-3 นาที โดยในช่องปากของเราจะเริ่มทำการสร้างจุลินทรีย์ น้ำตาล และโปรตีน และหากมีการรวมตัวของจุลินทรีย์และแบคทีเรียมาเกาะหนาและเหนียวขึ้นจะทำให้เกิดคราบพลัคตามมา ด้วยเหตุนี้ หินปูนจึงพบได้บ่อยบริเวณร่องเหงือก ร่องฟัน เพราะผิวฟันของเราทั้งที่มองเห็นได้และไม่สามารถมองเห็นได้หากใครยังไม่แน่ใจว่าคราบในปากเป็นคราบหินปูนหรือไม่ มาลองสังเกตคราบหินปูนด้วยวิธีง่ายๆกันก่อนเลย คุณจะสังเกตได้ว่าฟันจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีครีม และมีปัญหากลิ่นปาก ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แสดงว่าเริ่มมีหินปูนสะสมแล้ว และปัญหาอื่นๆที่จะเกิดขึ้นตามมาก็มีมากมาย เช่น

      1. มีกลิ่นปาก ปัญหาสำคัญประการแรก คือ คราบหินปูนทำให้เกิดกลิ่นปาก เพราะแบคทีเรียจากขี้ฟัน ทำให้เกิดกลิ่นปากเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และเป็นสิ่งที่ไม่น่าเข้าใกล้อย่างไม่ต้องสงสัย






      2. โรคฟันผุ ปัญหาสำคัญประการแรก คือ ปัญหาฟันผุ เพราะจุลินทรีย์ที่สะสมตัวอยู่ในช่องปากจะปล่อยกรดออกมาทำลายสารเคลือบฟัน และเมื่อเวลาผ่านไปนานยิ่งขึ้น กรดก็จะกัดกร่อนผิวฟันให้บางลง และส่งผลให้เกิดอาการฟันผุได้ง่ายๆ





       3. เหงือกอักเสบ อาการอีกหนึ่งอาการที่ใกล้เคียงกัน ก็คือ เหงือกอักเสบ เนื่องจากคราบจุลินทรีย์จะใช้น้ำตาลจากอาหารในการสร้างกรดและสารพิษ ทำให้เกิดสารบางตัวที่มีพิษร้ายทำร้ายเหงือกได้ด้วย





      4. ฟันเหลือง เมื่อมีคราบหินปูนสะสมตัวนานเข้า จะทำให้ฟันดูสกปรก ดูเหลือง และทำให้เสียบุคลิกภาพเวลาที่ต้องยิ้มได้ เนื่องจากสาเหตุของแคลเซียมและจุลินทรีย์ที่มาเคลือบผิวฟันนั่นเอง





     5. เหงือกร่น ปัญหาใหญ่ที่ตามมาเมื่อมีหินปูนเกาะตัวกันมากๆ ก็คือ หินปูนจะดันลงมาที่เหงือกข้างล่าง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดอาการเหงือกร่นได้ และอาการเหงือกร่นก็เป็นต้นเหตุของอาการเกี่ยวกับฟันอื่นๆอีกมากมาย





      6. ปัญหาฟันโยกหรือฟันห่าง ต่อเนื่องจากอาการเหงือนร่น เมื่อหินปูนดันเหงือกลงมามากๆ จะทำให้เหงือกมีความสามารถในการยึดฟันได้น้อย เมื่อฟันไม่มีตัวยึดที่มั่นคง เวลาเคี้ยวอาหารหรือกัดอะไรแรงๆ ฟันก็จะโยกและทำให้ฟันห่างจากเดิมได้





      7. อาการอักเสบระยะรุนแรง หากปล่อยให้อาการข้างต้นเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็อาจจะเกิดอาการอักเสบที่รุนแรงขึ้นได้ เพราะกระดูกและเส้นใยที่คอยยึดฟันจะถูกทำลายลงแล้ว และทำให้คราบหินปูนเข้าไปสะสมในร่องเหงือก จนต้องถอนฟันทิ้งในที่สุด





      8. โรคหัวใจ อาการที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆของคราบหินปูนนำไปสู่การก่อให้เกิดโรคหัวใจในที่สุด โดยจะเริ่มต้นจากโรคเหงือกอักเสบก่อน เมื่อเชื้อแบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตเป็นคราบในหลอดเลือด และเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดได้ ก็จะพัฒนาต่อจนกลายเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ในที่สุดโดยส่วนมากแล้วคราบหินปูนจะเกิดขึ้นปริเวณซอกฟันหรือระหว่างฟัน รวมถึงเกิดที่โคนของฟันทุกซี่ ไม่ใช่แค่ฟันแท้เท่านั้น แต่ฟันปลอมก็สามารถเกิดคราบหินปูนได้ และที่สำคัญคือ การแปรงฟันหรือบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ไม่สามารถกำจัดจุลินทรีย์พวกนี้ได้อย่างหมดจด ดังนั้น จะสามารถกำจัดหินปูนได้ต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อให้หมอฟันขูดหินปูนออกให้เท่านั้น





      จะเห็นได้ว่าภัยที่ร้ายกาจของหินปูนรุนแรงกว่าที่คุณคิดอย่างมาก ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่วันนี้เลย โดยเริ่มต้นจากการรักษาช่องปากและรู้จักวิธีการกำจัดหินปูนอย่างถูกต้อง เริ่มตั้งแต่การทำความสะอาดฟันให้สะอาดทั่วทั้งปากทุกๆ วัน การใช้ไหมขัดฟัน รวมถึงการขูดหินปูนโดยทันตแพทย์อย่างน้อย 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง และทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ คุณก็จะปลอดภัยจากอาการฟันผุ กลิ่นปาก รวมไปถึงโรคหัวใจซึ่งมีต้นเหตุจากคราบหินปูนได้แล้ว